บททดสอบฝีมือของซีเนดีน ซีดาน บนความล้มเหลวของเรอัล มาดริด

ความพ่ายแพ้ของ เรอัล มาดริด ในบ้านตัวเองให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 1-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก2019-20 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทำให้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ทีมราชันชุดขาวจะจอดตั้งแต่รอบน็อกเอาท์แรกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วพวกเขาก็ถูกเขี่ยตกรอบนี้ด้วยน้ำมือ อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม อย่างพลิกความคาดหมาย ทั้งที่เมื่อฤดูกาลก่อนหน้านั้น เรอัล มาดริด คือทีมแรกในปะวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน

ในเกมดังกล่าว เรอัล มาดริดสามารถออกนำได้ก่อนจากการฉกฉวยความผิดพลาดของแนวรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ วินิซิอุส จูเนียร์ จ่ายบอลเข้ากลางให้ อิสโก้ ยิงโล่ง ๆ เข้าประตูไปในนาทีที่ 60 แต่เมื่อเป็นฝ่ายตามหลังทีมเยือนก็โหมบุกจนมาได้ประตูตีไข่แตกจากความยอดเยี่ยมของเควิน เดอ บรอยน์ ที่เลี้ยงฝ่าแนวรับเจ้าบ้านในกรอบเขตโทษถึง 4 คน ก่อนจะบรรจงเปิดให้ กาเบรียล เฆซุส โหม่งทำประตูในนาทีที่ 78 หลังจากนั้น 5 นาทีเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยี่ยมก็เป็นคนสังหารจุดโทษช่วยให้ทีมเรือใบสีฟ้าเก็บชัยชนะในเลกแรกไปได้ก่อน แถมช่วงท้ายเกม เซร์คิโอ รามอส ยังมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ยิ่งทำให้สถานการณ์ของราชันชุดขาวเลวร้ายลงไปอีก เพราะนอกจากจะเสียอเวย์โกล์ไปถึง 2 ประตู ยังต้องมาเสียกองหลังคนสำคัญในนัดหน้าอีกด้วย ทำให้หนทางการผ่านเข้ารอบต่อไปยิ่งมืดมนเข้าไปใหญ่

ในการกลับมาคุมทีมอีกครั้งของซีเนดีน ซีดาน กุนซือเมืองน้ำหอมต้องประสบปัญหาอย่างหนักในเรื่องการจบสกอร์ เมื่อขาดเครื่องจักรผลิตประตูอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เนื่องจากกัปตันทีมชาติโปรตุเกสถือเป็นนักเตะที่แบกทีมในเรื่องการทำประตูมาแต่ไหนแต่ไร เขาถล่มไปถึง 43 ประตูตลอด 3 ฤดูกาลที่ช่วยให้ทีมครองแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน โดยปัจจุบันคาริม เบนเซม่า ศูนย์หน้าตัวหลักของทีมที่เพิ่งลงเล่นเกมยุโรปให้กับทีมครบ 100 นัดในเกมล่าสุด เพิ่งจะยิงให้กับทีมในซีซั่นนี้ไปได้แค่ 4 ประตู แถมเอเด็น อาซาร์ นักเตะที่ทีมหวังให้เป็นตัวตายตัวแทนจนทุ่มทุนสูงถึง 150 ล้านปอนด์ กลับใช้เวลาไปกับการรักษาตัวมากกว่าการลงสนาม นอกจากนั้นเหล่าแนวรุกดาวรุ่งที่ทุ่มซื้อมาร่วมทีมด้วยมูลค่ามหาศาลทั้งลูก้า โยวิช และโรดรีโก้ กลับไม่อาจก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมได้เลยสักคน จนต้องกลับไปพึ่งแกเร็ธ เบล ที่เหมือนจะหมดอนาคตกลับทีมไปแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งผลงานของปีกทีมชาติเวลล์ก็ไม่ต่างจากคนอื่นสักเท่าไหร่

การแข่งขันนัดต่อไปถือเป็นงานท้าทายครั้งใหญ่ของซีเนดีน ซีดาน ในการพาทีมราชันชุดขาวที่เน้นความสามารถเฉพาะตัวตามสไตล์ทีมรวมดารา เข้าต่อกรกับลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เน้นการครองบอลและใช้ทีมเวิร์คในการเข้าทำประตู ซึ่งถือเป็นบททดสอบพิสูจน์ฝีมือของเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศสอีกครั้งว่าแชมป์ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นผลจากมันสมองของเขา หรือจากฝีเท้าของโรนัลโด้เป็นสำคัญ ซึ่งหากเรอัล มาดริดยังล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง เราคงได้เห็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบวแน่นอน